วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

11 / 12 / 57


#1:59
รู้สึกเสียความรู้สึกเล็กๆ...อันที่จริงก็ทำตัวเองด้วยแหละมั้ง ชอบ"เสือก"เรื่องชาวบ้านเค้าไง ก็เลยเป็นแบบเนี๊ย เจ็บดีป่ะล่ะ! :(

ที่ลบออกจากกรุ๊ปไลน์อ่ะ ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ สร้างกลุ่มใหม่บอกว่าลบอันเก่า แต่จริงๆแล้วลบแค่เค้าคนเดียวใช่มั้ยล่ะ แล้วก็ไปเม้าท์กัน...

เฮ้อออ เอาเถอะ ก็ทำตัวเอง จะสอบแล้ว จะได้หยุดแล้วด้วย ก็ถือโอกาสปรับปรุงตัวเองก็แล้วกัน...


#8:20
ง่วงง่าาา


#15:56
เซอร์ไพรรรรรซ์ (สำหรับมุก 55) แฮมมาหาถึงห้องเลยจ้า~ พากันแซวใหญ่เลอออ ก็คู่นี้เค้าไม่ได้เจอกันบ่อยนี่เน้อ

ไม่ได้เจอมันนานแล้วเหมือนกัน อยากบอกว่ามีเรื่องสงสัยอยู่อย่าง ไปสามเสนไม่ดำมั่งไรมั่งเหรอว้าาา ขาวง่ะ สูงขึ้นด้วยดิ๊

งื้อออ อยากสูงบ้าง หยุดมานานและ T^T


#16:17
ก็ลั้นลาปาร์ตี้ดีนะวันนี้ แต่เหมือนลั้นลาไม่สุดอ่ะ เหมือนความรู้สึกมันติดลบไปแล้วเลยบ้าบอด้วยกันได้ไม่สุดอ่ะ จะทำอะไรก็คิดไปหมด แบบนั้นดีป่ะวะ แบบนี้มันจะเกลียดเรามากกว่าเดิมป่ะวะ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เฮ้อออ
╯_________╰

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

28 / 11 / 57

#6:00

นี่ถ้าให้ไปอยู่หอจะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย คงอ่านนิยายนอนดึกทุกวัน

คือร้ะะะะ คือทำงานป่ะ ทำงานกับคอมมันก็มีแว่บบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็แป๊บเดียวป่ะ แล้วอิตอนทำงานอ่ะไม่เค๊ยไม่เคยมาเห็นอ่ะนะ แว่บเมื่อไหร่นี่เห็นทันที =_=

แล้วก็พูดอยู่ได้ว่าไปอยู่หอจะไว้ใจได้มั้ย จะรับผิดชอบตัวเองได้รึเปล่า อยู่หออะร่ะ แค่บอกว่าทำงานกีฬาสีอาจจะต้องค้างรร.ยังบอกไม่ต้องค้างก็ได้มั้งลูก ไปเช้าๆเอา เช้าของแม่คือไปถึงตอนตีสามป่ะคะ =_=

แล้วก็ชอบบอกเนี่ยลูกคนอื่นเค้าไปถึงไหนแล้ว มัวแต่อ่านนิยายอยู่ได้ ชีวิตมันไม่ได้มีแค่นิยายป่ะ คือก็ทำอย่างอื่นด้วยไงแต่ก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรับรู้อ่ะ 

แล้วคือลูกตัวเองก็ได้แค่นี้ป่ะ มองอะไรลูกคนอื่น ไม่ได้เก่งไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้น สามกว่านี่คือก็ดีแล้วป่ะ ไม่เกเรไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางนี่ก็คือดีแล้วป่ะ

ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเกรดแล้วปล่อยให้มันดิ่งลงเหวซะหน่อย ก็พยายามประคองไม่ให้มันต่ำเกิน เครียดนะที่ต้องพยายามทำให้ได้อย่างที่แม่หวังอ่ะ ถึงจะทำเหมือนไม่มีอะไรทำตัวลั้นลาแต่คือเครียดบ่อยมาก คือเครียดลงกระเพาะ ปวดท้องจนต้องกินยาหลายครั้งอ่ะ แต่รู้มั้ย ไม่รู้ แล้วก็จะไม่บอกด้วย :(

แล้วชอบบอกลูกอยากเป็นอะไรก็ได้ เลือกอะไรก็ได้ แต่คือพูดตลอดว่าหมอดีอย่างงั้น หมอดีอย่างงี้ ไม่เอาหมอเป็นทนายมั้ยลูก ผู้พิพากษา วิศวะมั้ย 
ヽ(*`皿´*)ノキィィ──!!!! #ล้มโต๊ะ

คือลูกชอบหนังสือแล้วไม่คิดจะบอกให้ทำงานเกี่ยวกับหนังสือบ้างเหรอเฮ้ย มีแต่บอกเป็นหมอดีมั้ยลูก หนังสือค่อยอ่านเป็นงานอดิเรก... คือสมองไม่ถึงไง ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นอ่ะ แล้วรู้เลยว่านิสัยอย่างตัวเองอ่ะเป็นหมอไม่รอดหรอก(มโนว่าสอบได้)



#17:54
รู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อออ :(

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

17 / 11 / 57


#2:33

จะเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ยตอบ! อยากนอนเร็วนะ อยากมากกก แต่ทำไม่เคยได้ซักที Y^Y เวลานอนชดเชยเสาร์-อาทิตย์ก็หดหาย ตายๆๆๆ 

รีบปั่นงานแล้วไปนอนได้แล้ว!! #บอกตัวเอง


#2:47
หงุดหงิดตัวเองจริงๆให้ตาย! -*-


#5:42
สุดท้ายก็ไม่ได้นอน เฮ้อ~ แต่งานก็เสร็จล่ะนะ


#7:46
เริ่มหนาวแล้วอ่ะ >_< แต่แดดก็ยังแรงอยู่เลย :(


#8:13
อดนอนครบ 20 ชม. //ทรุด ง่วงโว้ยยยย แต่ทำตัวเองทำไงได้ 

อยากได้กาแฟแก้วใหญ่ๆ


วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

01 / 10 / 57

01 / 10 / 57


23:05
วันหวยออกกกก งวดนี้ออก 615 ล่ะ ง่า อีกนิดเดียวเอง แม่ดันซื้อ 605 อ่ะดิ เซ็งเบย =3=

ปิดเทอมแล้วล่ะ ≧∀≦ รู้สึกตั้งแต่เลื่อนชั้นมายี่จะแฮปปี้ขึ้นเยอะ เหมือนจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยแหละ มั้งนะ? 55

เป็นคนโลกส่วนตัวสูงงาย มีเพื่อนได้แต่ก็ไม่ได้สนิทไรมากงี้ ชอบอยู่คนเดียวอ่ะ เวลาเดินกับใครแล้วมันแบบ...เดินนำหน้าก็ต้องคอยหันหลังมอง ต้องคอยรอ เดินข้างๆกูก็ดูเป็นส่วนเกินไรงี้

ไม่มีปัญหาเลยนะตอนอยู่คนเดียวเนี่ย ทำอะไรก็ทำ ไปไหนก็ไป ทำอะไรก็ไม่ต้องคอยหันไปถาม
แต่อิจฉาคนที่มีเพื่อนสนิทเหมือนกันนะ :)


23:12
แม่จะไปเกาหลีแหละะะะ >_< วันที่ 5 นี้เอง อยู่คนเดียวตูจะรอดมั้ยนี่ 55

วันนี้เรียนวิดีโอครั้งแรกในชีวิตด้วยล่ะ #แลลาว 55 #เคมีอ.อุ๊ ก็โอเคนะ แต่ส่วนตัวคิดว่าเหมาะกับสอนสดมากกว่าอ่ะ มันได้ถามได้อะไร

ดองนิยายอีกแล้ววว T^T อยากอัพอยู่ทุกวันแต่มันยังคิดไม่ออกเลยอ่า ข้อเสียของการเขียนโดยไร้พล็อตก็แบบนี้แหละ +﹏+

อยากแต่ฃออริซักเรื่องจังเลยยย คงต้องผูกเรื่องให้เก่งกว่านี้สินะ เป็นคนไม่ชอบคิดไรซับซ้อนไง นับถือคนแต่งแนวสืบสวน หรือนิยายที่มีความลับมากเลยนะ #ชาบูว

สั่งหนังสือไปตั้งพันกว่า เพื่องานหนังสือปีหน้า เริ่มเก็บตังซะตอนนี้เลยดีมั้ยเนี่ย //มองเงินในกระเป๋า T^T 

ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้นานแล้วเนอะ ขึ้นรถปุ๊บหลับปั๊บอ่ะ 55 ยุ่งๆด้วยแหละ เรียน SAM ยากจริงอะไรจริง ขอให้ไม่ติดศูนย์คณิตเพิ่มด้วยเถอะสาธุ!

ไม่รุจะเขียนไรและ แค่นี้แหละ บ๊ายบาย จุ๊ฟๆ <3

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

รีวิวนิยาย Sanctity Knight : Finch

กิจกรรม รีวิว DD ได้ท่านลีฯ นะจ๊ะ



“ข้าไม่อยากเป็นอัศวินนน!!

คติประจำใจของพระเอกหน้ามนคนหัวหงอก(?) ที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฟังซักนิด แถมโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้งพาให้เจ้าตัวดีต้องกลายมาเป็นอัศวินศัดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรเบอร์เรี่ยน อาชีพตายฟรีไม่มีจำกัดที่เจ้าตัวให้คำนิยามไว้ซะอย่างงั้น งานนี้คงได้จิตตกเพราะความคิดที่แล่นฉิวไม่เป็นเวล่ำเวลาของเจ้าตัวดีกันถ้วนหน้าเชียวล่ะ!

ป้ายไม้สีแดงเลือดหมูที่ได้รับมากจากขยะสด(?)ที่บาดเจ็บปางตายจนต้องลากไปรักษาก่อนจะลงโลงนามทิวรอนคือจุดเริ่มต้นความซวยของ ดิวดร็อฟ เออริแกรน หรือ DD คนเร่ร่อนธรรมด๊าธรรมดา(เจ้าตัวเค้าบอกมา)ที่ดันมีชะตาต้องไปพัวพันกับผู้ทรงอำนาจหน้าตาดีทั้งหลายแหล่จนแอบสงสัยว่าตอนเด็กๆกินอะไรเข้าไปโตมาถึงได้หน้าตาดีเยี่ยงนี้ แถมเรื่องวุ่นๆยังพากันเสนอหน้ามาไม่หยุดไม่หย่อนเหมือนเจ้าตัวดีรับหน้าที่เป็นเทศกิจคอยไล่เก็บกวาดมากกว่าเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอร์เรื่ยน พร้อมจะรับฟังความคิดชวนจิตตกของเจ้าตัวดีกันรึยังล่ะคะ :)

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นมาจาก ลีฮีเตอร์ ฮัมมิ่ง จอมเวทดำผู้มีพลังเวทเหลือล้นได้บุกเข้าไปในปราการอัศวินแห่งอาณาจักรเบอร์เรี่ยนเพื่อชิงเอา เซ็นไนท์ แผ่นไม้สีแดงเลือดหมูซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแซงทิตี้ไนท์ อัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอร์เรี่ยนไปจากปราการอัศวิน ผู้ที่ตามจอมเวทดำไปคือ ทิวรอน อัศวินคนหนึ่งในปราการอัศวินทว่าก็ถูกเล่นงานจนยับเยินแต่ก็ยังสามารถชิงเอาเซ็นไนท์กลับคืนมาได้ แต่ถึงจะได้เซ็นไนท์กลับคืนมาแต่อาการบาดเจ็บก็ย่ำแย่ ทิวรอนกลัวว่าจะนำเซ็นไนท์ไปส่งคืนยังปราการอัศวินไม่ทันการจึงวานให้ ดิวดร็อฟ เออริแกรน คนเร่ร่อนที่ช่วยเขาเอาไว้นำมันไปส่งให้แก่ ไซรีทัส เฟิร์สฟรายอิ้ง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอร์เรี่ยน โดยบอกว่าจะให้ของตอบแทนอย่างงาม

ดิวดร็อฟที่ตกหลุมพลาง(?)อยากได้ของตอบแทน จึงตกลงเดินทางไปยังเบอร์เรี่ยน ระหว่างทางเขาได้พบกับ เลเกิ้ล โรบิว ที่ถูกพวกอันธพาลไล่ตาม ทั้งๆที่ไม่อยากช่วยซักกะติ๊ด แต่ก็ดันถูกลากเข้าไปยุ่งด้วยอย่างเสียมิได้ แถมยังถูกเข้าใจผิดว่ากำลังจะเดินทางไปเบอร์เรี่ยนเพื่อเข้าสอบอัศวินเลยหวังดีเอาใบสมัครมาให้เซ็น เจ้าตัวดีก็ดันเบลอๆมึนๆเซ็นชื่อไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวจนต้องเดินทางไปเข้าสอบจริงๆซะได้

แต่มันยังไม่จบแค่นั้นเพราะเพียงแค่มาถึงเจ้าตัวดีก็โชว์แมนกระโดดลงไปช่วยเด็กที่กำลังจะจมน้ำโดยไม่รู้เลยว่านั่นไม่ใช่บ่อปลาธรรมดา แต่เป็นบ่อปิรันย่า! โดนกัดโดนทึ้งซะยับไปทั้งตัวจนเจ้าตัวอยากจะร้องไห้ แต่เซ็นไนท์ยังไม่ถึงมือเจ้าของ เจ้าตัวดีเลยต้องลากสังขารไปหาไซรีทัสที่วิหารภาวนาที่ทำลายสายตาสุดๆ ทั้งดอกไม้สีทอง ต้นไม้ใบสีเงิน วิหารสีทองอร่าม แถมทองเดินปูพื้นยังเป็นสีเขียวอีก! ให้ตายเถอะใครก็ได้ บริจาคแว่นกันแดดให้ข้าที!!

                จบการสบอัศวินไซรีทัสก็ออกมาจากวิหารภาวนา แผ่นไม้สีเลือดหมูถูกส่งถึงมือไซรีทัสอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ทว่าจากที่คิดว่าขอค่าตอบแทนแล้วจะกลับก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดเสียแล้วเมื่อการส่งของครั้งนี้มีของตอบแทนที่ขาดไม่ถึงพ่วงมาให้ด้วย ไซรีทัสคุกเข่าลงตรงหน้าดิวดร็อฟ ภาพขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากมนตราลอยอยู่กลางสนาม เสียงฮือฮาเงียบลงทันใดเมื่อเสียงทุ้มหวานเริ่มเอื้อนเอ่ย


...ฟังให้ดี...
นามของข้าคือไซรีทัส เฟิร์สฟรายอิ้ง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งเบอร์เรี่ยน

...ในนามของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์...
ขอยอมรับท่านดิวดร็อฟ เออริแกรน เป็นแซงทิตี้ไนท์คนใหม่นับตั้งแต่เวลานี้


เรื่องราวความป่วนชวนจิตตกของแซงทิตี้ไนท์นาม ดิวดร็อฟ เออริแกรนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว..

...............................................................

มันเหมือนรีวิวมั้ยเนี่ย 55 มันเหมือนเรื่องย่อมากกว่ายังไงไม่รู้ เพิ่งจะเคยลองเขียนครั้งแรกนะเนี่ย >_< มันเลยเน่าอย่างที่เห็น 55
เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของพี่ finch ที่ได้อ่าน พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าฮาตลอดเว ความคิดป่วนๆของดิวดร็อฟชวนเสียสูญมากบอกเลย แต่อ่านแล้วก็วางไม่ลง ต้องอ่านต่อเรื่อยๆจนจบ จบแล้วก็ยังอยากอ่านภาคต่ออีกอ่ะ เป็นนิยายเรื่องแรกที่ติดมาก ไม่อยากให้จบเลย ชอบทุกตัวละครค่ะ ทั้งดิวดร็อฟ ลีฮีเตอร์ ไซรีทัส อิงเรม (แต่ชอบท่านอิงมากเป็นพิเศษ >///< )


ดิวดร็อฟเป็นพระเอกที่ไม่ได้เก่งเทพมาตั้งแต่แรก เรียกว่าไม่มีอะไรเลยจะดีกว่า ไม่มีพลัง ไม่มีฝีมือ ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี เป็นแค่คนเดินดินธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่ได้เป็นผู้กล้าที่อาสาช่วยคนอื่นตลอดโดยไม่คิดถึงตนเอง ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ให้ถึงที่สุด 

ไซรีทัสวิ๊งมากบ่องตรง เห็นคำบรรยายแล้วแบบ เออ..มันคงเหมือนทองคำเดินได้ 55 (แต่เค้ารักตัวน้าาา) ชอบที่เห็นไซรีทัสเข้มแข็งขึ้นไม่ได้คิดแต่ว่าจะชดใช้ด้วยชีวิตอย่างเดียว เพราะมันไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆปลี้ๆอ่ะค่ะ ไซเหมือนคุณแม่เลยยย >_< เป็นคนคอยปรามคอยห้าม DD ตลอด ♥ เห็นใจไซมาก เชื่อมจิตกับ DD แล้วเป็นไงมั่งอ่ะคะ (ถามเฉยๆไม่อยากลอง) //ยื่นพาราให้สามกระปุกใหญ่ๆ

ลีฮีเตอร์ ~ ซึนมากกก //กลิ้งหลบลูกพลัง ชอบเวลาลีโดนแซวเพราะฮีจะหน้าแดง แอร๊ยยย ฟินน่ะ คนนี้คือบั่บ...ซึนได้โล่ โหดได้โล่ค่า ศัตรูมาพี่แกซัดไม่ยั้ง ปากคมยิ่งกว่าใบมีด โดนพี่แกด่าทีนี่เจ็บไปเป็นชาติ(เว่อร์)แต่ไม่มีผลอะไรกับพระเอกของเราค่ะ รายนั้นน่ะอย่างหนา(ถึกดีๆนี่เอง) ชอบเวลาพี่แกเขินมากกก เพราะพี่แกจะซัดคนกลบเกลื่อนอาการ //ฮา ยิ่งตาแดงๆแบบจะร้องไห้เนี่ยนะ โอ๊ยย //ละลาย
ท่านอิงเรมมม ชอบคนนี้มากที่สุดอ่ะ ท่านนักบุญมาก ใจดีมากกก อยากได้มานอนกอด //ไม่เกี่ยว เวลายิ้มทีนี่คือละลายอ่ะ >_< ไม่มีอะไรจะพูดเท่าไหร่เพราะความฟินมันจุกอก ต้องลองไปอ่านเองแล้วจะรู้ ว่าทำไมเราถึงหลง♥

เรื่องนี้มี 2 ปกค่ะ ปกแบบแรกจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ปกหน้า





ปกหลัง






ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นะคะเพราะไฟส่อง ปกนี้คือเก่ามากกก เล่มนี้ราคา 149 บาทค่ะ ยกเว้นเล่มสุดท้าย(เล่มแดงๆอ่ะค่ะ)ราคา 189 บาท

ปกแบบที่สองเป็นแบบนี้ค่ะ
ปกหน้า




ปกหลัง





อันนี้คือวาดปกใหม่ ใช้นักวาดคนละคนค่ะ เนื้อหาด้านในเหมือนเดิมแต่จัดรูปเล่มดูดีขึ้น ตัวหนังสืออ่านง่ายขึ้นอ่ะค่ะ (นี่ซื้อเพราะปกอ่ะจริง >_<) ปกใหม่นี่ราคาเล่มละ 200 บาทค่ะ แต่เล่มสุดท้าย(ที่มีดาบตรงกลางอ่ะค่ะ)เล่มละ 210 บาท แพงขึ้นเพราะหน้ากระดาษมันเยอะขึ้นอ่ะค่ะ แล้วก็เพิ่มภาพประกอบด้านในค่ะ

ถ้าให้แนะนำคือซื้อปกใหม่ไปเลยดีกว่าค่ะ ด้านในเหมือนกันทุกอย่าง :)

ส่วนอันนี้เป็นเล่มพิเศษค่ะ

ท่านอิงร่างเด็กกก >_< ตอนแรกใจหายมากตอนรู้ว่าดิวดร็อฟตาย(เล่ม 3) แต่พอรู้ว่ามาเกิดใหม่เป็นมังกร(น้องท่านพี่อิง)ก็แฮปปี้ดี๊ด๊าขึ้นมาทันที เรื่องนี้คือสนองนี๊ดคนอยากอ่านภาคต่อมากค่ะ >_< คือแบบ..3 เล่มไม่พออ่ะจริง ไม่อยากให้เรื่องนี้จบ อยากอ่านต่อเรื่อยๆๆ แต่มันก็ต้องจบอ่ะ T^T เล่มนี้เจ้าตัวดีกลายเป็ลูกมังกรอายุหนึ่งขวบจ้า ถึงจะตัวจะกลายเป็นเด็ก แต่ความป่วนยังคงเดิม เป็นแซงทิตี้ไนท์ตัวป่วน ความป่วนหนึ่งเดียวในสามภพ! //ไม่ใช่โคนัน =_=

เล่มนี้ราคา 199 บาทจ้า

ปกหน้า

ปกหลัง




มืดไปมั้ยอ่าาา ที่เห็นด้านหลังนั่นคือสุสานของเจ้าตัวดีนะคะ แต่ทำไมถึงมีสุสาน...อันนี้ต้องไปหาอ่านดูค่ะ :)

และเมื่อคนอ่านไม่อยากให้จบ ท่านพี่ฟิ้นก็สนองให้ >_< เกิดเป็น Knight Dragon ภาคโฮลี่อัลเทียค่า แอบเสียดายหน่อยๆที่ภาคนี้คือเป็นภาคสุดท้าย(จริงๆ)แล้ว คือจบแบบสมบูรณ์แล้วอ่ะค่ะ T^T

ปกนี้คือเป็นคนวาดคนเดิมกับที่วาดปกแบบแรกอ่ะค่ะ ฝีมือพัฒนาขึ้นเนอะ ไซวิ๊งขึ้นเยอะ สวยขึ้นเยอะ ลีก็หล่อขึ้นเยอะเลยยย ♥_♥
ปกหน้า


ปกหลัง



จบแล้ววว เรื่องนี้คือพระเอกตายเปลืองมากอ่ะค่ะ 55 ตายแล้วเกิดตายแล้วเกิด พี่ฟิ้นใช้งานคุ้มจริงอะไรจริง
แถมๆ นี่คือพระเอกของเรา ดิวดร็อฟ เออริแกรนจ้า (ท่านดิวดร็อฟของข้า ไม่น่ารักขนาดนั้นหรอกนะ! : ไซรีทัสไม่ได้กล่าวไว้)


ส่วนอันนี้คือ ท่านอิงเรม นักบุญของเรานั่นเองจ้าาา #ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นอิงเรม♥ (แอบลำเอียง มีภาพสีด้วย 55 )


ซูมค่ะ



ส่วนภาพแฟนอาร์ตอื่นๆหาดูได้ใน https://www.facebook.com/worldfantasybook?ref=ts&fref=ts นะคะ ^^
แค่รีวิวคือปาไป 7 หน้าเวิร์ด ไหงมันยาวกว่านิยายตอนนึงของชั้นอีกละเนี่ยยย
ไปล่ะค่ะ บ๊ายบายยย จุ๊บๆ (。╯ᴗ╰)〜♡

วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ซินเดอเรลล่า


“กรี๊ดดดด! แกทำอะไรกับห้องของชั้น!!”ผมรีบอุดหูทันทีเมื่อได้ยินเสียงแหลมแปดหลอดของพี่สาวดังมาจากชั้นสองของบ้าน
อูย..หูแทบแตก ดีนะที่ผมอุดหูทันไม่งั้นได้มีหูดับกันบ้างแหละ แต่ถึงเสียงด้านบนจะเงียบไปแล้วแต่ผมก็ยังไม่เอามืออกหรอก เพราะอะไรน่ะหรอ...

“กรี๊ดดดดด! แกทำอะไรกับชุดของชั้น!!”พูดยังไม่ทันขาดคำ... เสียงพวกนั้นเป็นของพี่สาวทั้งสองของผมเองแหละ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่เราก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้แต่หยดเดียว เพราะพวกเธอเป็นลูกติดของภรรยาใหม่ของพ่อผมเอง เธอแต่งงานกับพ่อผมหลังจากที่แม่ตายไม่นาน  เหตุผลก็เพราะพ่อกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาหากไม่มีแม่มาคอยดูแล แต่หลังจากที่แต่งงานไม่นานพ่อก็ตายไปอีกคน ทรัพย์สมบัติที่มีก็ถูกสามแม่ลูกถลุงซะแทบเกลี้ยง แถมยังกดขี่ผมอย่างกับเป็นทาส แต่ขอโทษ! ไอ้ซินคนนี้ไม่หงอหรอกโว้ย!

ครับ ชื่อเต็มผมคือ ซินเดย์ เกือบได้ชื่อซินเดอเรลล่าด้วยซ้ำไป เพราะพ่อชอบนิทานเรื่องนี้ พ่อบอกว่ามันเหมือนชีวิตของพ่อกับแม่ที่เมื่อก่อนแม่เป็นแค่สาวใช้และพ่อก็เป็นคุณชายตระกูลดัง พ่อเลยตั้งชื่อให้ผมแบบนี้ แต่ท่าทางพ่อจะคิดผิดเพราะผมไม่เห็นจะเหมือนซินเดอเรลล่าในนิทานเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมชกต่อยได้ เถียงแม่เลี้ยงอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยจะยอมใคร แล้วก็ไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกใครด้วย นี่ผมเห็นว่าเป็นผู้หญิงนะ เลยยอมอ่อนข้อให้ ลองถ้าเป็นผู้ชายสิ ผมด่าได้ตั้งแต่บรรพบุรุษยันโครตเง้าศักราชมันเลยอ่ะ แถมซัดไม่ยั้งด้วย เอ้อ! จะเหมือนก็แค่ตรงที่ผมออกจะหน้าหวานนี่แหละ แถมผิวก็ขาวอย่างกะไรดีทั้งๆที่ก็ไปโดนแดดเปรี้ยงๆที่โรงเรียนแทบทุกวัน

“แกทำอะไรกับห้องของชั้นกันฮะ! ชั้นบอกให้แกไปทำความสะอาดไม่ใช่รึไง แล้วไอ้ห้องเละๆนั่นมันอะไรกันฮะ!!”ลูกสาวเบอร์หนึ่งลงมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงจิกหัวผมแล้วตบหน้าทันที

เพี๊ยะ!

“ตบมันแรงๆเลยค่ะคุณพี่ มันทำเสื้อแบรนด์เนมของคุณน้องเละไปหมดเลย ตบมันแรงๆเลยค่ะ!”ยัยลูกเบอร์สองก็ลงมาเชียร์อยู่ข้างๆบันได

“หึ! พวกคุณเป็นผู้หญิงแท้ๆกับอีแค่งานบ้านยังต้องให้ผู้ชายอย่างผมทำ ดีแต่ตบคนกับจับผู้ชายไปวันๆล่ะสิ อ๋อ..ผมลืมไปว่าทุกวันนี้คุณก็เกาะผู้ชายกินอยู่แล้วนี่ แต่งงานไปก็คงทำได้แค่อ้าขารอสามีอยู่ที่บ้าน ไม่ก็ยั่วคนอื่นเค้าไปวันๆสินะ อย่างอื่นคงทำไม่เป็น!”ผมยิ้มเหยียดประกอบคำพูด  เพราะผมไม่ได้โกหกเลยแม้แต่ครึ่งคำ คุณๆพวกนี้ตั้งใจแต่จะจับผู้ชายรวยๆเพื่อที่ตนเองจะได้สบาย เหอะ!ไม่รู้พ่อผมเห็นอะไรดีในตัวแม่เลี้ยงกัน เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก เอ..หรือว่าตอนนั้นพ่อผมเมาก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

“กะ..กรี๊ดดดดดดด!

“นี่แก..แกกล้าว่าพวกชั้นอย่างงั้นหรอ!!

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

ใบหน้าของผมชาไปหมด แต่ผมก็กัดฟันทนเอาไว้

“รับความจริงไม่ได้หรือยังไงครับ”

“แกน่ะสิที่เป็น! นังร่าน! ชั้นรู้นะว่าแกคิดจะจับคุณชายซีควอย เพื่อให้เค้าพาแกออกจากที่นี่ใช่มั้ยล่ะ เหอะ! ฝันไปเถอะ!!”แล้วก็ยิ่งเพิ่มแรงตบมากขึ้นไปอีก แต่แก้มผมมันชาไปหมดตั้งแต่สองทีแรกแล้วล่ะครับ เพราะงั้นตอนนี้ตบได้ก็ตบมา มีโอกาศเมื่อไหร่พ่อจะแก้แค้นให้เจ็บแสบเลยทีเดียว

“พอเถอะค่ะคุณลูก ตกไปก็เสียมือเปล่าๆ ดูสิ แดงหมดเลย ไปเตรียมตัวไปงานเลี้ยงดีกว่านะคะ”นั่นไง..บอสใหญ่ลงมาแล้ว

“ส่วนแก..ทำความสะอาดบ้านใหม่ทั้งหมด แล้วเตรียมชุดให้ลูกๆของชั้นด้วย ภายในสิบนาทีถ้าชั้นยังไม่เห็นชุดที่สวยที่สุดบนเตียงของลูกสาวล่ะก็ แกเจอดีแน่”

“ไปค่ะคุณลูก แถวนี้มันสกปรก”แม่เลี้ยงปรายตามองถังน้ำที่ล้มอยู่ที่พื้น ทำให้น้ำสีคล้ำหกออกมา ก่อนจะไล่มายังผม ยิ้มเหยียดๆแล้วพาลูกๆของเธอขึ้นไปบนบ้าน

หึ! ที่สกปรกน่ะใครกันแน่ ถึงผมจะนิสัยเสียยังไง ผมก็ยังไม่เคยเหยียบหัวใครเล่นแบบคุณเธอซักครั้ง อ้อ!คุณชายซีควอยที่ยัยพวกนั้นพูดถึงก็คือไอ้ซี เพื่อนที่โรงเรียนของผมเองแหละครับ ถ้าถามว่าทำไมผมได้เรียนน่ะเหรอ ก็มันเป็นกฏหมายนี่ครับ ไม่งั้นผมคงไม่มีทางได้โผล่หน้าไปเรียนหนังสือกับเค้าหรอก แต่เงินที่เรียนมันก็เงินผมทั้งนั้นแหละ ผมทำงานพิเศษหามา

แล้วงานเลี้ยงที่พูดถึงก็คืองานเลี้ยงการกุศลที่บ้านอภิรักษ์สกุลเค้าจัดขึ้นครับ ถามว่าทำไมผมถึงรู้น่ะหรอ ก็นั่นมันบ้านไอ้ซี แล้วมันก็จะแอบมารับผมไปปาร์ตี้ด้วยแหละ มันบอกนานๆที ไปผ่อนคลายมั่งก็ได้ ผมก็เลยตอบไปว่า

เวลาที่กูผ่อนคลายที่สุด คือเวลาที่สามแม่ลูกนรกนั่นไม่อยู่ต่างหาก

มันก็หัวเราะ แต่มันก็เข้าใจอ่ะครับ ถามว่าทำไมผมถึงทนอยู่ที่นี่น่ะหรอ ก็เพราะผมยังไม่บรรลุนิติภาวะน่ะสิครับ ยังต้องมีผู้ปกครองอยู่ แต่ปีหน้าผมก็จะอายุยี่สิบแล้ว ผมไม่อยู่ให้ปวดหัวหรอกครับ

ตอนนี้ผมอยู่ปีสองครับ แต่คิดว่าพอจบปีนี้ผมก็คงจะไม่ได้เรียนแล้วล่ะนะ แม่เลี้ยงใจร้ายนั่นพยายามจะยัดเยียดใบลาออกให้ผมตลอด ตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งแล้วครับ ดีที่มีไอ้ซีคอยช่วย ผมเลยมาเรียนต่อได้

ผมรีบเอาไม้ม็อบมาถูพื้นที่เปียกน้ำ เพราะถ้าปล่อยไว้นานมันจะเป็นคราบแล้วผมก็ต้องมานั่งขัดใหม่อีก พอทำเสร็จผมก็ต้องรีบขึ้นไปเตรียมเสื้อผ้าให้คุณหนูทั้งสองที่ไม่เคยทำอะไรเป็นเลยนอกจากเดินสวยไปวันๆ แต่เรื่องตบคนอื่นเค้านี่เก่งนัก ชุดของคุณเธอก็ไม่พ้นชุดเซ็กซี่ๆทั้งหลายนั่นแหละครับ คอวี เกาะอก เปิดหลัง เปิดไหล่ ผ่าข้าง มีครบหมด เสร็จแล้วผมก็ไปเตรียมร้องเท้า ที่แน่นอนว่าเป็นส้นสูงแหลมเฟี้ยว เอาไว้อ่อยผู้ชายเวลาแกล้งชนเค้าแล้วทำขาแพลง

พอผมกลับไปกวาดบ้านได้ครึ่งนึง สามแม่ลูกก็ได้ฤกษ์ลงมาจากบ้าน แต่งซะสวยพริ้งเลยครับแต่นิสัยเนี่ย รับไม่ไหวจริงๆ ผมก็ไม่อยากจะทำลายความหวังอ่ะ..แต่อยากจะบอกจริงว่าไอ้ซีมันไม่ได้ชอบผู้หญิงโว้ยยย

แต่ก็มีคนรู้เยอะหรอกครับ มีผม ไอ้ฟิวเจอร์ ไอ้ไลน์ แล้วก็ยัยหมิว แต่ละคนก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันทั้งนั้นแหละครับ ส่วนยัยหมิวอ่ะ มันเป็นผู้หญิงก็จริงแต่มันเป็นสาววายครับ ชอบเรื่องแบบนี้จะตาย แต่มันก็ไม่ได้เอาอะไรมายัดใส่หัวพวกผมหรอกนะ แค่เพ้อๆเป็นบางทีเท่านั้นเอง

ถามว่าอยู่กับมันไม่กลัวมันปล้ำหรอ ตอบได้เลยว่า ไม่กลัวครับเพราะผมก็ชอบมันเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้บอกมันหรอกนะ บอกตามตรงว่าผมกลัวมันจะปฏิเสธ แล้วเราจะมองหน้ากันไม่ติด

“แกน่ะ อยู่เฝ้าบ้านไป แล้วอย่าให้ชั้นรู้นะว่าแกแอบออกไปไหน ไม่งั้นแกเจอดีแน่”พูดจบคุณแม่เลี้ยงก็ล็อกประตูบ้าน แล้วขึ้นรถไป ครับ..เธอขังผมไว้ในบ้านเลยนั่นแหละ ผมยักไหล่เบาๆก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

ก๊อกๆ

เสียงเคาะเบาๆที่กระจกทำเอาผมแอบสะดุ้งเลยครับ แต่พอเดินไปเปิดม่านเท่านั้นแหละ ไอ้ซีครับ..มันยืนเคาะหน้าต่างผมอยู่ แต่ห้องผมมันไม่มีระเบียง ถัดจากหน้าต่างไปก็เป็นหลังคา ข้างๆก็มีต้นไม้ต้นใหญ่ๆต้นเดียว กันผมหนีครับ เพราะผมค่อนข้างจะกลัวความสูง แต่ไอ้ซีไม่ครับ มันปีนต้นไม้ข้ามมาหาผมเฉยเลย

 ผมเลื่อนหน้าต่างเปิดให้มันเข้ามาในห้อง อยู่ข้างนอกนานๆเดี๋ยวก็ลื่นตกลงไป แถมถ้าใครมาเห็นแล้วเอาไปฟ้องยัยแม่เลี้ยงนั่น คนที่ซวยคือผมครับ

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมถามเมื่อเห็นมันนั่งลงบนเตียง...ไม่ถามเจ้าของเลยซักคำนะ

“เพิ่งมาเอง มึงก็เพิ่งขึ้นมาบนห้องใช่ป่ะล่ะ”ผมพยักหน้าตอบมัน

“งั้นไปกัน”มันทำท่าจะฉุดผมลงหน้าต่าง แต่ผมยื้อเอาไว้

“ขืนกูไปสภาพนี้ สามแม่ลูกนั่นก็รู้กันพอดี”ผมก้มมองชุดตัวเองที่เป็นแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนธรรมดา

“ไม่ต้องห่วง มึงไปบ้านกูก่อน เดี๋ยวกูหาชุดให้เปลี่ยน ไม่มีใครจำได้แน่นอน รับรอง”ผมพยักหน้าอย่างพอใจ เมื่อมันเตรียมหน้ากากให้ผม ก็หน้าตาผมเด่นจะตาย ขนาดอยู่ที่โรงเรียนผมยังต้องเอาไอ้ซีมาเป็นไม้กันหมาเลยครับ..กันจากพวกผู้ชายอ่ะนะ

แล้วมันก็พาผมลงจากระเบียงบ้านอย่างปลอดภัย โดยไม่ลืมปิดม่าน ปิดกระจกให้ผมด้วย เสร็จแล้วมันก็พาผมเดินมาซักสองสามซอย มาขึ้นรถของมันครับ แล้วมันก็ขับรถไปที่บ้าน ไม่อยากจะบอกว่าใหญ่เวอร์อ่ะ..ใหญ่กว่าคฤหาสน์ของพ่ออีก เสร็จแล้วมันก็พาผมไปเข้าทางประตูหลังบ้าน พอขึ้นไปถึงห้องมัน มันก็เอาชุดมาให้เปลี่ยน  ผมแบะปากเลยครับตอนเห็นชุด ก็มันเป็นชุดผู้หญิงนี่ครับ มันเป็นชุดราตรียาวๆ สีน้ำเงิน เปิดไหล่แล้วก็มีผ้าคาดตรงเอว

“นี่มันชุดผู้หญิงไม่ไช่รึไง”ผมรีบท้วง

“ก็ใช่ไง มึงหน้าสวยจะตาย ปลอมเป็นผู้หญิงก็ไม่มีใครรู้หรอก”มันเอามือมาจับคางผมแล้วบิดไปมาอย่างพิจารณา

เอ่อ..กรูเขินโว้ยยย

ผมรีบคว้าชุดเข้าห้องน้ำไปเลยครับ ไม่รอให้มันจับต่อหรอก แต่นั้นผมก็อายจะแย่อยู่แล้ว ซักพักผมก็ใส่ชุดเสร็จครับ เปิดประตูห้องน้ำแล้วโพล่หัวไปหาไอ้ซี ไม่กล้าออกไปทั้งตัวอ่ะครับ..อาย ถึงผมจะไม่ค่อยจะแคร์ใคร แต่กับมันไม่ใช่อ่ะ

“มึงจะให้กูใส่ชุดนี้จริงๆหรอ”ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ทั้งๆที่ใส่ชุดเสร็จแล้ว มันหัวเราะเบาๆแล้วลากผมออกมาจากเกราะกำบัง เอ่อ..ประตูห้องน้ำนั่นแหละ

“สวยดีนี่”เขินเลยสิครับ จะว่าไปมันก็เลือกชุดดีนะ ชุดแบบนี้ผมไม่มีนมยังใส่ได้เลย เสร็จแล้วมันก็เอาวิกผมสีดำมาใส่ให้ผม จัดโน่นนี่นิดหน่อยก่อนจะเริ่มละเลงหน้าผมครับ เอ่อ..ก็แต่งหน้านั่นแหละ แต่ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันแต่งหน้าเป็นด้วย แต่ก็คงไม่แปลกหรอก แม่มันก็มีธุรกิจเสริมสวยอยู่นี่นา

“เอ้า! เสร็จแล้ว”พอมันบอกผมก็ค่อยๆลืมตามองตัวเองในกระจก โอ้แม่เจ้า! ผู้หญิงคนนี้ใครครับเนี่ย! ใช่ผมจริงๆหรอ

ภาพในกระจกคือผู้หญิงผมยาว สีดำ ดัดผมเป็นลอนอ่อนๆตรงปลาย ริมฝีปากบางสีชมพูสวย แต่งหน้าอ่อนๆ เข้ากับใบหน้าและชุดราตรีสีน้ำเงินที่ช่วยขับผิวขาวได้เป็นอย่างดี

“....”อึ้งสิครับ ไม่คิดว่าตัวเองแต่งหญิงแล้วจะสวยขนาดนี้ ผมแอบเห็นไอ้ซีมันหน้าแดงนิดๆด้วยล่ะ แล้วมันก็ไปเปลี่ยนชุดของมันเองบ้าง บอกได้คำเดียวว่า..หล่อครับ มันพาผมลงไปข้างล่าง บริเวณงานค่อนข้างครึกครื้นครับ มีพวกไฮโซยืนเกาะกลุ่มคุยกันอยู่ตามมุมต่างๆ แต่พอพวกผมเข้ามาสายตาทุกคู่ก็หันมามองผมกับมันทันที ไอ้ซีน่ะไม่เท่าไหร่ มองเพราะเห็นว่าเป็นลูกคุณหญิง อันนี้ผมรับได้ แต่ทำไมต้องมองผมด้วยอ่ะ

“กูมีอะไรติดที่หน้าหรอ”ผมกระซิบถามมัน ตอนนี้มันจูงมือผมอยู่ครับ ก็รองเท้าที่ผมใส่อยู่มันส้นสูงนี่หว่า ผมไม่ชินอ่ะ เดินแล้วจะล้ม มันเลยช่วยประคอง ถึงส้นมันจะไม่ได้สูงขนาดสามแม่ลูกนั่นก็เหอะ

“ฮะฮะ เค้ามองเพราะมึงสวยต่างหาก”มันหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะตอบ ทำเอาผมหน้าบูดเลยครับ ผมเป็นผู้ชายนะเฮ้ย! มันประคองผมไปหาพวกหมิวที่อยู่มุมๆห้อง แต่สายตาพวกนั้นก็ยังไม่เลิกมองมา ผมแอบเห็นว่าสามแม่ลูกนั่นก็มองมาที่ผมด้วยล่ะ ผมแอบเหงื่อแตก ไม่จริงน่า..จับได้แล้วหรอ

“ไอ้ซีๆ สามแม่ลูกนั่นมองกูด้วยอ่ะ”ผมแอบสะกิดมัน มันก็แอบแหล่ไปมองนิดหน่อยแบบไม่ให้รู้ตัว

“เนียนๆไว้ดิ มึงสวยขนาดนี้พวกนั้นก็แค่อิจฉาเท่านั้นแหละ จำมึงไม่ได้หรอก”ผมเลยทำเมินพวกนั้นเลยครับ

“ซิน~ แกสวยมากเลยอ่ะ”ยัยหมิวทักผมคนแรกเลยครับ วันนี้ยัยนั่นก็น่ารักนะ ใส่ชุดราตรีเกาะอกสีครีม กระโปรงเป็นผ้าชีฟองโปร่งๆ มีเข็มขัดเส้นโตคาดตรงเอว แต่คำทักเนี่ยสิ...

“กูเป็นผู้ชายนะเฮ้ย!

“โอ๊ย! สวยขนาดนี้เป็นชั้น ชั้นก็ไม่สนหรอกย่ะ! ดูดิ พวกผู้ชายมองแกตาเป็นมันเลยอ่ะ”

“พอเลยหมิว..ไม่งั้นมีเลิกคบจริงๆด้วย”ผมทำแก้มป่องอย่างงอนๆ ไม่ได้โกรธมันจริงๆหรอกครับ

“โอ๋ๆ เค้าล้อเล่นนะตะเอง”มันรีบง้อใหญ่เลยครับ แต่ก็รู้ๆกันอยู่อ่ะนะ ว่าผมไม่ได้โกรธจริงๆ เจอบ่อยจนชินแล้วครับ พวกที่เหลือก็พากันหัวเราะใหญ่ ซักพักผมก็หลุดหัวเราะไปกับพวกมันด้วย

.................................................

หลังจากเฮฮากันมาพักใหญ่ตอนนี้ก็ประมาณห้าทุ่มแล้วอ่ะครับ แต่ละคนก็เริ่มมึนๆกัน เพราะซัดกันไปเยอะพอสมควร ไอ้ซีออกไปไหนไม่รู้คนเดียว ผมจะตามไปด้วยมันก็ไม่ยอม พวกที่เหลือก็บอกว่าไม่ต้องตามมันไปหรอก พาซักห้าทุ่มครึ่งไอ้ซีมันก็กลับมา แต่คราวนี้มันลากผมไปที่ห้องมัน พอถามว่าไปทำไม มันก็บอกว่าไปเปลี่ยนชุด ดึกแล้ว ผมก็เลยเออออตามมันไป

แต่พอไปถึงห้องมันก็เอาผ้าดำๆมาคาดปิดตาผมไว้ พอผมถามว่าปิดทำไมมันก็ไม่ตอบ แต่ห้ามผมเอาออก แล้วมันก็อุ้มผมเลยครับ ผมก็ดิ้นดิ มันบอกดิ้นมากเดี๋ยวปล่อยตกชั้นสอง ผมเลยหยุด ซักพักมันก็วางผมลง แล้วมันก็บอกให้เปิดผ้าปิดตาออก...สวยครับ

ภาพที่ผมเห็นคือเทียนหอมที่เรียงเป็นคำว่า Happy Birthday ตัวไม่ใหญ่มาก แต่สวยครับ แสงเทียนมันเรืองๆ ในความมืด แล้วห้องมันก็อยู่ตรงกับสวนพอดี ข้างๆเลยมีพวกดอกไม้ต้นไม้เต็มไปหมด ห่างออกไปหน่อยก็มีศาลาสีขาวตั้งอยู่ มีเทียนหอมวางอยู่ประปราย ผมเลยเพิ่งนึกได้...วันนี้วันเกิดผมนี่หว่า

“สุขสันต์วันเกิดครับซิน”ไอ้ซีมันมากอดผมจากข้างหลัง เสียงนุ่มๆของมันกระซิบที่ข้างหูผม แปลกครับ..เพราะมันไม่เคยพูดเพราะๆกับใครยกเว้นแม่มัน แต่ก็..เขินครับ

“ซีมีอะไรจะบอกแหละ..คือ..ซีรักซินนะครับ”อึ้งสิครับ..มันรักผม ผมอยากดึงแก้มตัวเองจริงๆ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย

“ตั้งแต่เมื่อไหร่...”ผมถามเบาๆแบบสติยังไม่กลับมา

“นานแล้วนะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยมั้ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สวยกว่าซิน น่ารักกว่าซิน ซีก็เจอมาหมดแล้ว แต่ซีละสายตาจากซินไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีซีก็รักซินไปแล้ว แต่ซีไม่กล้าบอก..กลัวซินปฏิเสธ กลัวว่าซินจะหนีไป..”

“ไม่ใช่มึงคนเดียวหรอกที่กลัว..”

“....”

“กูก็กลัวเหมือนกัน”

“กลัวอะไรครับ”มันทำหน้างงๆใส่ผม

“กลัว..มึงไม่รัก”พูดเองเขินเองครับ พูดจบผมก็รีบหันหน้าหนีเลย ก็คนมันเขินอ่ะ

“แสดงว่า..ซินรักซี”มันพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนดีใจหน่อยๆ

“อือ..อืม~”พูดจบไม่ทันไร ริมฝีปากผมก็โดนช่วงชิงไปทันที ช่วงชิงทั้งริมฝีปากและลมหายใจของผม...หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หรืออาจจะมากกว่านั้น มันถอนจูบออกไปเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ แล้วก็ประกบปากเข้ามาใหม่ ทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จนผมต้องยกมือไปปิดปากมันเมื่อเห็นว่ามือของมันเริ่มจะเลื้อยไปปลดชุดที่ผมใส่อยู่

“พอก่อน..นะ กูยังไม่พร้อมจริงๆ”มันยอมหยุดแต่โดยดี แต่ริมฝีปากของมันก็ยังมาคลอเคลียแถวๆซอกคอของผม

“อืม..ซีจะรอ ซินไปเปลี่ยนชุดเถอะครับ เดี๋ยวซีไปส่ง”

................................................

หลังจากนั้นหนึ่งปีผมก็ได้ออกมาจากบ้านหลังนั้น และหลังจากที่ผมออกมาไม่นานผมก็ได้ยินว่าสามแม่ลูกเริ่มออกหาเหยื่อรายใหม่ เพราะใช้เงินของพ่อผมจนหมดแล้ว หลังจากจบปีสาม ผมก็ออกมาอยู่หอ และเริ่มหางานทำโดยปฏิเสธที่จะไปอยู่กับไอ้ซี  เพราะผมไม่อยากให้คำสบประมาทของยัยนั่นเป็นจริง ผมไม่ได้คบกับไอ้ซีเพราะหวังเงินทอง แต่เพราะผมรักมันจริงๆ

ตอนนี้ผมก็เริ่มตั้งตัวได้แล้ว ผมมีร้านกาแฟเล็กๆ ข้างมหาลัยที่ไอ้ซีเรียนอยู่ บางครั้งพวกมันก็มาเยี่ยมผม มาดื่มกาแฟ นัดเดท ชวนไปเที่ยว แล้วแต่จะสรรค์หามาได้ ที่ว่านัดเดทเนี่ย แค่ไอ้ฟิวกับไอ้ไลน์นะครับ ไม่รู้มันไปได้กันอีท่าไหน(น่าจะหลายท่าอยู่นะหนูซิน...)

นั่นแหละครับ แล้วบางทีไอ้ซีก็จะแวะมาหาผมที่ห้อง กินข้าวบ้าง ดูหนังบ้าง ไปเดทบ้างอย่างที่คู่รักปกติเค้าทำกัน ถ้าวันไหนมันเรียนเหนื่อยก็แค่นอนกอดกันเฉยๆ(เห็นอย่างงี้แต่ไอ้ซีมันเรียนแพทย์ครับ)หรือไม่ก็....

......................................................
....................................
........................
............

“อ่ะ..อ๊า~..ซี..ซี อืมม~”แรงกระแทกจากทางด้านหลังทำเอาผมเสียวไปหมด ความร้อนที่เสียดสีอยู่กับช่องทางด้านหลังมันรู้สึกดีเอามากๆ

“ซี..ซี..ไม่ไหว..อ่ะ..ฮ้า~

“ซีรักซินนะครับ”ผมปล่อยออกมาเลอะเต็มหน้าท้องไอ้ซี ส่วนมันกระแทกผมอีกไม่กี่ที น้ำอุ่นๆก็ฉีดเข้ามาในตัวผม

ฟอด~

“ซีรักซินนะ”มันขโมยหอมแก้มผม ก่อนจะกระซิบเบาๆที่ข้างหู

“รู้แล้วน่า..”เขินจะตายอยู่แล้วนะไอ้บ้านี่ ตั้งแต่คบกันมานี่สรรหาเรื่องมาทำให้กูเขินได้ตลอดอ่ะ

“อีกรอบได้มั้ยอ่ะ”เสียงแหบพร่าถามผม สายตามันโครตหื่นเลยอ่ะ...ยิ่งไอ้ข้างล่างที่มันยังไม่เอาออกอีกนะ

“นะ..นะครับซิน”

“อ่ะ..อ๊า~..ซี..อืมม~”แล้วผมเคยขัดมันได้ซะเมื่อไหร่ล่ะครับ คืนนี้ก็..คงต้องปล่อยให้มันทำตามใจตัวเองล่ะนะ

............................................


ก็..นั่นแหละครับ หลังจากนั้นพวกผมก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข(ล่ะมั้งนะ?)