ได้ไม่ได้ไม่รู้แหละ มีงานส่งคือรอดแล้วโว้ยยย
5 วัน 4 คืน in Japan
การไปเที่ยวครั้งหนึ่งอาจทำให้เราได้อะไรหลายอย่างกลับมา ได้เปิดโลก เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เพื่อนร่วมทาง ได้ความทรงจำ จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนค่อนข้างติดบ้าน แต่ฉันก็ชอบที่จะได้ท่องเที่ยวนาน ๆ ครั้ง ไปพบเจออะไรใหม่ ๆ ก่อนจะกลับมาอยู่ในโลกใบเล็กของตัวเอง มองความทรงจำที่ประดับไว้บนฝาผนังแล้วยิ้มให้กับช่วงเวลาเหล่านั้น
การท่องเที่ยวครั้งหนึ่งที่ฉันจำได้ขึ้นใจ คือครั้งแรกที่ได้ไปญี่ปุ่น ฉันตื่นเต้นมาก มาก ๆ ครอบครัวเราไม่ได้ไปต่างประเทศกันบ่อยนัก แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเองก็ตาม ครั้งนี้ได้ไปประเทศญี่ปุ่น ฉันนอนไม่หลับเลยคืนนั้น ตาค้างอยู่บนเตียงแล้วก็ลุกออกไปเตรียมตัวไปสนามบินทั้งอย่างนั้น การนั่งเครื่องบินเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์นักสำหรับฉัน ใครที่มีปัญหากับการเมายานพาหนะน่าจะเข้าใจดี ช่วงที่ยายังไม่ออกฤทธิ์นั้นค่อนข้างแย่แต่หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น จนกระทั่งถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
เราไปถึงญี่ปุ่นกันในช่วงเย็น ถึงแม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้วแต่การขึ้นรถไฟในญี่ปุ่นก็ยังเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวไม่น้อย บนรถไฟเราเจอพี่สองคน ชายหญิง เป็นคนไทยเหมือนกัน พวกเขาก็มาเที่ยวเหมือนกับเรา ระหว่างนั่งอยู่ในขบวนก็ช่วยกันดูว่าเราต้องเปลี่ยนสายรถไฟกันที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไปถึงที่พักได้โดยไม่หลงทางไปเสียก่อน ช่วงที่ไปเป็นช่วงเดือนมกราคม สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังจากเดินออกมาจากสถานีรถไฟคืออากาศที่หนาวเย็น ถึงแม้หิมะจะยังไม่ตกแต่ก็หนาวมากเลยทีเดียว เราจบวันด้วยการไปทานมื้อเย็นกันในร้านใกล้กับที่พักก่อนจะกลับมาที่โรงแรมและเตรียมตัวเข้านอน
วันต่อมาอากาศหนาวยิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิลดลงไปอีก วันนี้เราไปที่เมืองคาวาโกเอะ (kawagoe) เป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดไซตามะ ได้รับฉายาว่าเป็นเมือง "เอโดะจิ๋ว" เป็นเมืองที่สามารถอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี เหมือนได้เข้าไปอยู่ในยุคโบราณอย่างไรอย่างนั้น พวกเราได้ลองเข้าไปในสถานที่ที่ดูคล้ายกับศาลเจ้า มีคนมาสักการะอยู่ประมาณหนึ่ง เราก็ลองเข้าไปเลียนแบบเขา ล้างมือด้วยน้ำในบ่อใกล้ ๆ ซึ่งน้ำก็เย็นมาก ๆ หลังจากนั้นก็ไปต่อแถว ขอพร โยนเหรียญลงไปในกล่อง ปรบมือสามครั้งก่อนจะสั่นกระดิ่ง เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังกังวารมาก ตอนที่ออกมาเราพลัดหลงกันเล็กน้อย จะโทรหากันก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เราเดินหากันตั้งแต่ต้นจนสุดถนนแล้วก็หากันจนเจอในที่สุด กลายเป็นเรื่องขำขันที่ล้อกันในครอบครัวไป
วันที่สามในญี่ปุ่น พวกเราเดินทางไปทะเลสาบคาวากุจิโกะกัน (kawaguchiko) ทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อยู่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ สามารถมองเห็นภูเขาไฟได้จากที่นั่น การเดินทางสามารถเลือกได้หลายวิธี พวกเราเลือกเดินทางกันด้วยรถบัสเพราะราคาไม่สูงมากนัก แต่ก็แลกกับเวลาในการเดินทาง โชคดีที่วันนั้นรถไม่ติดพวกเราจึงไปถึงทะเลสาบได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นเวลาใกล้เที่ยงแต่บริเวณทะเลสาบมีลมพัดอยู่ตลอดทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นวิวที่ได้ก็สวยมากเช่นกัน เพราะไม่มีเมฆมาบดบังจึงทำให้พวกเราสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน
วันที่สี่เราไปเที่ยวที่โอไดบะ (odaiba) ที่นั่นเป็นเกาะจำลองขนาดใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นจากการถมทะเล เราไปห้างที่ชื่อ Venus Fort ด้านในของห้างจำลองคล้ายกับเมืองโบราณในยุโรป พวกกรีกโบราณอะไรแบบนั้น ในตอนที่เราไปมีการจัดแสดงพอดี เป็นการจัดแสดงบนเพดาน มีชื่อเรียกอย่างไรฉันก็ไม่ทราบ แต่บนเพดานคล้ายกับจะเป็นจอภาพ ฉายพวกกลุ่มดาวจักรราศี สวยงามและดูเข้ากันกับสถานที่มาก หลังจากนั้นเราก็ไปที่โอโม-เตะซันโด ฮิลล์ (omotesando hill) เป็นห้างอีกเช่นกัน แต่เป็นห้างที่มีความพิเศษ คือมีทางลาดวนขึ้นไปในแต่ละชั้น ไม่เชิงว่าไม่มีบันไดเสียทีเดียวเพราะบันไดถูกซ่อนไว้ด้านข้างของตึก มีทั้งความแปลกใหม่และสวยงาม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ก่อนจะกลับที่พักเราก็ได้แวะไปชมโตเกียว ทาวเวอร์กัน ถึงแม้จะเป็นการชมจากที่ไกล ๆ แต่ความสวยงามของมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป
วันสุดท้ายที่ญี่ปุ่น พวกเราไปไหว้พระกันที่วัดเซ็นโซจิ (sensoji) วันนี้มีฝนตกปรอย ๆ และอุณหภูมิก็ลดลงเกือบศูนย์องศา หนาวจนมีควันออกจากปาก เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นเราก็แวะไปซื้อของฝาก แล้วก็เดินเลยไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับไปยังที่พักเพื่อไปรับกระเป๋า เดินทางกลับมายังประเทศไทย
ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่กี่วัน และอันที่จริงการท่องเที่ยวก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนนัก มีบางที่ยกเลิกไป บางที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็เป็นหนึ่งในทริปที่ติดอยู่ในความทรงจำของฉันจนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึกที่ดีที่สุด คือตอนที่กลับมาถึงบ้าน ล้มตัวลงนอน นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และพบว่ามันสนุกมากจริง ๆ
“No one realizes how beautiful it is to travel
until he comes home and rests his head on his old, familiar pillow.”
– Lin Yutang
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น