วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

27 / 09 / 61

27/09/61

#7:38 PM

ฮืออออออ จันทร์นี้ก็มิดเทอมละอ่ะ skip ไปเลยได้มั้ย เส้า 〒﹏〒
เทอมนี้คือศูนย์มากอ่ะ อีค่อนคือ blank มาก micro ตายแน่ แงงงง
ตุ้มๆต่อมๆ F อยู่นะ... ไม่อยากได้เลยง่ะ 〒﹏〒 จะพยายามนะ

เมื่อวันพุธไปถ่าย cityscape มา ในที่สุดก็ได้มุม ถถถถ ยากทากอ่ะ โจทย์ต่อไป portrait อีก ตายไม่ตายเดี๋ยวรู้เลย




อวดรูปๆ

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

Writing : บทความสารคดี

24/09/61

ได้ไม่ได้ไม่รู้แหละ มีงานส่งคือรอดแล้วโว้ยยย


5 วัน 4 คืน in Japan

          การไปเที่ยวครั้งหนึ่งอาจทำให้เราได้อะไรหลายอย่างกลับมา ได้เปิดโลก เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เพื่อนร่วมทาง ได้ความทรงจำ จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนค่อนข้างติดบ้าน แต่ฉันก็ชอบที่จะได้ท่องเที่ยวนาน ๆ ครั้ง ไปพบเจออะไรใหม่ ๆ ก่อนจะกลับมาอยู่ในโลกใบเล็กของตัวเอง มองความทรงจำที่ประดับไว้บนฝาผนังแล้วยิ้มให้กับช่วงเวลาเหล่านั้น

          การท่องเที่ยวครั้งหนึ่งที่ฉันจำได้ขึ้นใจ คือครั้งแรกที่ได้ไปญี่ปุ่น ฉันตื่นเต้นมาก มาก ๆ ครอบครัวเราไม่ได้ไปต่างประเทศกันบ่อยนัก แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเองก็ตาม ครั้งนี้ได้ไปประเทศญี่ปุ่น ฉันนอนไม่หลับเลยคืนนั้น ตาค้างอยู่บนเตียงแล้วก็ลุกออกไปเตรียมตัวไปสนามบินทั้งอย่างนั้น การนั่งเครื่องบินเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์นักสำหรับฉัน ใครที่มีปัญหากับการเมายานพาหนะน่าจะเข้าใจดี ช่วงที่ยายังไม่ออกฤทธิ์นั้นค่อนข้างแย่แต่หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น จนกระทั่งถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

          เราไปถึงญี่ปุ่นกันในช่วงเย็น ถึงแม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้วแต่การขึ้นรถไฟในญี่ปุ่นก็ยังเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวไม่น้อย บนรถไฟเราเจอพี่สองคน ชายหญิง เป็นคนไทยเหมือนกัน พวกเขาก็มาเที่ยวเหมือนกับเรา ระหว่างนั่งอยู่ในขบวนก็ช่วยกันดูว่าเราต้องเปลี่ยนสายรถไฟกันที่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไปถึงที่พักได้โดยไม่หลงทางไปเสียก่อน ช่วงที่ไปเป็นช่วงเดือนมกราคม สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังจากเดินออกมาจากสถานีรถไฟคืออากาศที่หนาวเย็น ถึงแม้หิมะจะยังไม่ตกแต่ก็หนาวมากเลยทีเดียว เราจบวันด้วยการไปทานมื้อเย็นกันในร้านใกล้กับที่พักก่อนจะกลับมาที่โรงแรมและเตรียมตัวเข้านอน

          วันต่อมาอากาศหนาวยิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิลดลงไปอีก วันนี้เราไปที่เมืองคาวาโกเอะ (kawagoe) เป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดไซตามะ ได้รับฉายาว่าเป็นเมือง "เอโดะจิ๋ว" เป็นเมืองที่สามารถอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี เหมือนได้เข้าไปอยู่ในยุคโบราณอย่างไรอย่างนั้น พวกเราได้ลองเข้าไปในสถานที่ที่ดูคล้ายกับศาลเจ้า มีคนมาสักการะอยู่ประมาณหนึ่ง เราก็ลองเข้าไปเลียนแบบเขา ล้างมือด้วยน้ำในบ่อใกล้ ๆ ซึ่งน้ำก็เย็นมาก ๆ หลังจากนั้นก็ไปต่อแถว ขอพร โยนเหรียญลงไปในกล่อง ปรบมือสามครั้งก่อนจะสั่นกระดิ่ง เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังกังวารมาก ตอนที่ออกมาเราพลัดหลงกันเล็กน้อย จะโทรหากันก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เราเดินหากันตั้งแต่ต้นจนสุดถนนแล้วก็หากันจนเจอในที่สุด กลายเป็นเรื่องขำขันที่ล้อกันในครอบครัวไป

          วันที่สามในญี่ปุ่น พวกเราเดินทางไปทะเลสาบคาวากุจิโกะกัน (kawaguchiko) ทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อยู่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ สามารถมองเห็นภูเขาไฟได้จากที่นั่น การเดินทางสามารถเลือกได้หลายวิธี พวกเราเลือกเดินทางกันด้วยรถบัสเพราะราคาไม่สูงมากนัก แต่ก็แลกกับเวลาในการเดินทาง โชคดีที่วันนั้นรถไม่ติดพวกเราจึงไปถึงทะเลสาบได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นเวลาใกล้เที่ยงแต่บริเวณทะเลสาบมีลมพัดอยู่ตลอดทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นวิวที่ได้ก็สวยมากเช่นกัน เพราะไม่มีเมฆมาบดบังจึงทำให้พวกเราสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน
 
วันที่สี่เราไปเที่ยวที่โอไดบะ (odaiba) ที่นั่นเป็นเกาะจำลองขนาดใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นจากการถมทะเล เราไปห้างที่ชื่อ Venus Fort ด้านในของห้างจำลองคล้ายกับเมืองโบราณในยุโรป พวกกรีกโบราณอะไรแบบนั้น ในตอนที่เราไปมีการจัดแสดงพอดี เป็นการจัดแสดงบนเพดาน มีชื่อเรียกอย่างไรฉันก็ไม่ทราบ แต่บนเพดานคล้ายกับจะเป็นจอภาพ ฉายพวกกลุ่มดาวจักรราศี สวยงามและดูเข้ากันกับสถานที่มาก หลังจากนั้นเราก็ไปที่โอโม-เตะซันโด ฮิลล์ (omotesando hill) เป็นห้างอีกเช่นกัน แต่เป็นห้างที่มีความพิเศษ คือมีทางลาดวนขึ้นไปในแต่ละชั้น ไม่เชิงว่าไม่มีบันไดเสียทีเดียวเพราะบันไดถูกซ่อนไว้ด้านข้างของตึก มีทั้งความแปลกใหม่และสวยงาม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ก่อนจะกลับที่พักเราก็ได้แวะไปชมโตเกียว ทาวเวอร์กัน ถึงแม้จะเป็นการชมจากที่ไกล ๆ แต่ความสวยงามของมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป

          วันสุดท้ายที่ญี่ปุ่น พวกเราไปไหว้พระกันที่วัดเซ็นโซจิ (sensoji) วันนี้มีฝนตกปรอย ๆ และอุณหภูมิก็ลดลงเกือบศูนย์องศา หนาวจนมีควันออกจากปาก เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน หลังจากนั้นเราก็แวะไปซื้อของฝาก แล้วก็เดินเลยไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับไปยังที่พักเพื่อไปรับกระเป๋า เดินทางกลับมายังประเทศไทย

          ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่กี่วัน และอันที่จริงการท่องเที่ยวก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนนัก มีบางที่ยกเลิกไป บางที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็เป็นหนึ่งในทริปที่ติดอยู่ในความทรงจำของฉันจนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึกที่ดีที่สุด คือตอนที่กลับมาถึงบ้าน ล้มตัวลงนอน นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และพบว่ามันสนุกมากจริง ๆ

“No one realizes how beautiful it is to travel 
until he comes home and rests his head on his old, familiar pillow.” 
– Lin Yutang



วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561

Writing : ความรักคืออะไร

23/09/61

หัวใจสีเขียว

          บางคนว่าความรักคือความปรารถนาดี บางคนว่าความรักคือความเข้าใจ บางคนก็ว่าความรักคือความเจ็บปวด  เมื่อพูดถึงความรัก ประโยคประโยคหนึ่งมักจะผ่านเข้ามาในความคิดของฉันอยู่เสมอ ประโยคที่มักจะใช้เพื่อล้อเลียนตัวเองเล็กน้อยเมื่อทุ่มเทอะไรสักอย่างให้ใครสักคน ประโยคที่ว่า “เราเรียกมันว่าความรัก”

          ความรัก หนึ่งในรูปแบบที่เห็นได้ชัดสำหรับฉันคงเป็นความรักที่แฟนคลับมีต่อศิลปิน เป็นหนึ่งในรูปแบบของความรักที่ฉันได้สัมผัสและรับรู้มันด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่ทำให้ใครคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อใครสักคน ทุ่มเทกับอะไรบางอย่าง ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ บางครั้งก็ให้แรงบันดาลใจ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นคนใหม่ คนที่ดีขึ้น

          กลุ่มแฟนคลับของศิลปินที่ฉันชอบถูกเรียกว่านกน้อย ความรักต่อตัวศิลปินทำให้นกน้อยทำอะไรหลายอย่าง บางคนเริ่มหัดเรียนภาษาเพื่อที่จะได้สื่อสารกับศิลปินที่ชอบ บางคนหัดวาด หัดตัดต่อรูปเพื่อจะได้นำไปให้เขา อุดหนุนตุ๊กตาเพื่อสนับสนุนสินค้าของค่ายเพลงที่ตัวศิลปินสังกัดแม้หลายคนจะเลยวัยที่จะเล่นตุ๊กตาไปแล้ว ชมว่าเขาหล่อหรือน่ารักได้แม้เขาจะกำลังแต่งตัวแปลก ๆ ในสายตาเรา ยิ้มตามเมื่อเขาหัวเราะแม้จะฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง ยอมซื้อไส้กรอก ซื้อน้ำอัดลมหลายร้อยบาทเพื่อที่จะได้เจอเขา ถึงจะกินได้ไม่หมดแต่ก็นำไปแบ่งปันด้วยการทำบุญหรือทำโรงทาน ฟังเพลงของเขาซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เขาได้รับรางวัลในรายการเพลง สั่งซื้ออัลบั้มเพลงของเขาล่วงหน้าแม้จะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยก็ตาม รวมเงินกันทำป้ายรูปของศิลปินติดไว้ในที่ต่าง ๆ เพื่อโฆษณาให้เขา อวยพรวันเกิด หรือเพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ

          หรือแม้แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ฉันรู้สึกประทับใจ คือการซื้อแท่งไฟที่แสงไฟเป็นสีประจำวง และนำมันเข้าไปในคอนเสิร์ต บางคนไม่มีแท่งไฟก็นำกระดาษสีมาติดหลอดไฟ หรือสรรหาวิธีการอื่น ๆ มาทำ แสงสีเขียวดวงเล็กดวงน้อยหลายร้อยดวงรวมตัวกันกลายเป็นทะเลสีเขียว เปล่งประกายในความมืด สว่างไสวไปทั่วสถานที่จัดแสดง เป็นเครื่องหมายแทนความรักจากแฟนคลับถึงศิลปิน เป็นความทรงจำที่ประทับอยู่ในใจไม่รู้ลืม

          แม้สิ่งที่ทำจะแตกต่างกันแต่ที่สุดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำก็มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือความสุขของศิลปิน แค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วยแล้ว เราเรียกมันว่าความรัก



23 / 09 / 61

23/09/61

#16:48

ไม่ได้เขียนมานานมากๆๆๆ กลับมาดูแล้วคิดถึงเลย มีหลายอย่างมากที่เปลี่ยนแปลงไป เราเริ่มเข้าสู่วงการติ่งอย่างเต็มตัวแล้ว 5555 ใช่แล้วตอนนี้เราติ่งกัซอยู่ เมื่อก่อนก็ตามนะแต่แค่ผ่านๆ ไม่ได้เหมือนทุกวันนี้ ตอนที่พิมพ์ไปก็ปั่นวิวไปด้วยล่ะ ;p #Lullaby เพลงใหม่นะ

แอพ blogger มันหายไปแล้วอ่ะ เสียจัย (´•ω•̥`) พิมพ์ในเว็บค่อนข้างยากเลยนะสำหรับมือถือ แต่ไม่เป็นไรเลาจะพยายาม

ช่วงนี้เริ่มจับกล้องโปรแล้วแหละ (○o◎ )เพราะว่ามีวิชาที่ต้องเรียน ยากอยู่เหมือนกันนะ แต่พอใช้ๆไปก็เริ่มชิน ที่ยากน่าจะเป็นการถ่ายมากกว่าเพราะเมื่อเราก็ถ่ายๆไปเลย คิดว่าสวยก็ถ่าย ชอบก็ถ่าย แต่วิชานี้ต้องมาเริ่มคิดว่าเราจะถ่ายอะไร ถ่ายยังไง จะสื่ออะไร

อวดรูปนิดนึง (*≧∀≦*)



อันนี้ canon 700D ยืมคณะมาล่ะ

นิยายไม่ได้แตะเลยช่วงนี้ ╥﹏╥ ทั้งที่แต่งเองและเป็นเล่ม เด็กดีก็ไม่ค่อยได้เข้า ไถทวิตไปวันๆ มีช่วงนีงติดจอยด้วยแต่ช่วงนี้ก็ห่างๆไป อยากแต่งต่อมากๆแต่เหมือนจะหมดพลังเลย ฮืออออ คิดไรไม่ออกเลยอ่ะ สมองมันแบล๊งค์ไปหมด

วิชา writing มีให้เขียนบทความสารคดี คิดว่าจะเขียนตอนไปญี่ปุ่นแหละ มั้งนะ หรือเขียนhow toปั่นวิวได้มะ ถถถถ เขียนเสร็จจะเอาลงนะ มั้ง

ช่วงนี้ใกล้มิดเทอม(อีกแล้ว) ยังไม่ได้เริ่มอ่านหนังสือเลย ตัวอีค่อนยากง่า (;へ:)คงต้องเริ่มฟิตแล้ว

คิดว่าหลังจากนี้คงจะได้เขียนบ่อยกว่าเดิม มั้งนะ ไปละ บายยย



#23:47

คิดไม่ออก ตันมาก เวนเน้ยยยย นี่งานไงล่ะ คิดไม่ออกไม่ได้ดิ 〒﹏〒